
บทสัมภาษณ์ จาก เดลินิวส์
อาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 เวลา 04.00 น.
หมอออย-ทพญ.ธัญพร หวังคนไทยเข้าถึงทันตกรรม “ตอนเด็ก ๆ มีปัญหาช่องปากเกี่ยวกับต่อมน้ำลาย ต้องไปหาหมอบ่อยมากค่ะ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้มาเรียนเป็นทันตแพทย์" “หมอออย” เปิดฉากเล่าถึงที่มาของการตั้งใจอย่างจริงจังที่จะเป็นหมอฟัน
“ตอนเด็กๆ มีปัญหาช่องปากเกี่ยวกับต่อมน้ำลาย ต้องไปหาหมอบ่อยมากค่ะ เลยคิดว่า เรื่องสุขภาพช่องปาก เป็นสิ่งสำคัญ และคนไทยมักจะละเลย จึงเป็นแรงบันดาลใจให้มาเรียนเป็น ทันตแพทย์ เพราะอยากเห็นคนไทย มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี”
ทันตแพทย์หญิง ธัญพร พงษ์ขจรกิจการ หรือที่ใครเรียกเธอว่า “หมอออย” เปิดฉากเล่าถึงที่มาของการตั้งใจอย่างจริงจังที่จะเป็นหมอฟัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เธอคิดอยากจะเป็น จิตแพทย์ นอกจากความฝังใจในวัยเด็กแล้ว เธอยังเห็นว่า หมอฟันไม่เพียงแต่ให้การรักษากับผู้มีปัญหาเท่านั้น แต่ยังต้อง ผสมผสาน ในเรื่องความสวยความงาม เข้าไปด้วย เรียกได้ว่า ต้องใช้ทั้ง ศาสตร์และศิลป์ ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เธอสนใจ เธอบอกว่า การรักษาปากและฟัน แยกออกไปเยอะมาก เช่น การรักษารากฟัน การดัดฟัน การจัดฟัน การทำครอบฟัน การทำฟันปลอม การทำสะพานฟัน การทำรากเทียม หรือการทำฟันเพื่อความสวยงาม อาทิ แปะฟัน หรือ ทำวีเนียร์ ที่ผู้มีชื่อเสียง ดารา ชอบทำ เพราะช่วยเสริมบุคลิกภาพ และสร้างความมั่นใจ
“อย่างเรื่อง การแก้ไขความผิดปกติของฟัน เช่น ฟันตกกระ แก้ไขรูปร่างฟัน พวกนี้ หมอฟันต้องดูด้วยว่า ฟันแบบไหนจะเหมาะกับรูปหน้าของแต่ละคน ผู้หญิงและผู้ชายก็มีฟันรูปร่างและขนาดต่างกัน ซึ่งหมอฟัน จะต้องดูและออกแบบว่า ฟันแบบไหน ถึงจะเหมาะสมและสวยงาม สำหรับ ผู้ที่เข้ามารับการรักษา”
ก่อนจะมาเป็นหมอฟัน คุณหมอสาวสวยท่านนี้ มีประวัติไม่ธรรมดา เธอได้รับรางวัล นักเรียนดีเด่น เยาวชนดีเด่น จบมัธยมปลายที่หอวัง ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.98 และจบทันตแพทยศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.20 ในระหว่างเรียนยังได้รับรางวัล เกียรติบัตรนักเรียนดีเด่นประจำปี 2549 และ 2551 นอกจากนี้ ในปี 2549 เธอยังได้รับรางวัล เกียรติบัตรนักกีฬาดีเด่น อีกด้วย
ว่ายน้ำ เป็น กีฬาที่หมอออยชอบ เธอติด เยาวชนทีมชาติ ตั้งแต่อายุ 14 ปี และเคยทำลายสถิติประเทศไทย ในท่ากบ 50 เมตร มาแล้ว พออายุ 18 ปี ก็ติดทีมชาติชุดใหญ่ แต่หลังจากเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา ทำให้ไม่ค่อยได้ฝึกซ้อม ตอนนี้ การว่ายน้ำจึงเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น หลังจากเรียนจบ เธอได้ทำงาน ใช้ทุนที่ โรงพยาบาลค่ายรามราชนิเวศน์ จังหวัดเพชรบุรี ก่อนจะเข้ารับราชการ ที่ กองทันตแพทย์ กรมแพทย์ ทหารบก จนถึงปัจจุบัน
แพทย์หลายคน หลังเรียนจบมักจะใช้วิธีจ่ายเงินแทนการใช้ทุน แต่สำหรับหมอออย ยังยืนยันที่จะรับราชการ และภูมิใจในยศ ร้อยโทหญิง ของตนเอง เธอบอกว่า ในระหว่างที่ทำงานใน โรงพยาบาลค่ายรามราชนิเวศน์ และใน กองทันตแพทย์ ทำให้ได้ประสบการณ์ที่ดีมาก ได้พบเจอชาวบ้านที่มี ปัญหาปากและฟัน เวลาออกหน่วยตามพื้นที่ต่างๆ ก็จะมีผู้เข้ามารับการรักษาเยอะมาก ทำให้เธอเห็นว่า คนไทยยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของช่องปาก และไม่รู้ว่าปัญหาในช่องปาก จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ ตามมา เหล่านี้ทำให้ เธอตั้งความหวังไว้ว่า อยากจะช่วยให้ความรู้ประชาชนทั่วไป ให้เห็นความสำคัญกับปากและฟัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ การตอบแทนแผ่นดินเกิด ตอบแทนประเทศไทย ในแบบของเธอ
"ตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง หรือบางคนรู้แต่อาจรู้สึกไม่คุ้นเคย ทำให้ยังใช้วิธีแปรงฟันแบบเดิมๆ เพราะยังไม่ให้ความสำคัญอย่างเพียงพอ"
หมอออย ยังใช้เวลาว่างมาเปิดคลินิกทันตกรรม ชื่อ DEEZY DENTAL HOME เพราะเห็นว่า คนไทยเข้าถึงทันตกรรมน้อยมาก บางคน ก็ต้องรอทำฟันข้ามปี รวมถึง ราคาการทำฟัน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ปัญหาลุกลามก่อนจะถึงมือหมอ ด้วยเพราะ กลยุทธ์ในการบริการแบบครบวงจร ด้วย เทคโนโลยี วัสดุ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ราคามิตรภาพ จาก ปากต่อปาก ทำให้คลินิกของหมอออย ขยายไปหลายสาขาด้วยเวลาอันรวดเร็ว ปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขา และกำลังจะเปิดอีก 1 สาขา และจากประสบการณ์ที่เคยทำงานวิจัยและจัดทำ มาตรฐานโรงพยาบาล กองทัพบก ทำให้หมอออย นำข้อกำหนดมาใช้กับคลินิกของตนเอง ทั้งในเรื่องสภาพแวดล้อม ความสะอาด ปลอดภัย รวมไปถึงมาตรฐานด้านแพทย์
นอกจาก เป้าหมายเพื่อให้คนไทยเข้าถึงทันตกรรมให้มากขึ้นแล้ว หมอออยยังตั้งเป้า นำคลินิกของเธอสู่อาเซียน โดยการเข้าร่วมงานต่างๆ ทั้งของ ภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนนโยบายทำให้ไทย เป็น ศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ Medical Hub แห่งเอเชีย